[๑๖๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! อาชีพต่ำที่สุด ในบรรดาอาชีพทั้งหลาย คือการขอทาน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! คำสาปแช่งอย่างยิ่งในโลกนี้คือ
คำสาปแช่งว่า “แกถือกระเบื้องในมือเที่ยวขอทานเถอะ” ดังนี้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! กุลบุตรทั้งหลาย เข้าถึงอาชีพนี้
เป็นผู้เป็นไปในอำนาจแห่งประโยชน์
เพราะอาศัยอำนาจแห่งประโยชน์,
ไม่ใช่เป็นคนหนีราชทัณฑ์ ไม่ใช่เป็นขอให้โจรปล่อยตัวไปบวช
ไม่ใช่เป็นคนหนีหนี้ ไม่ใช่เป็นคนหนีภัย
ไม่ใช่เป็นคนไร้อาชีพ, จึงบวช,
อีกอย่างหนึ่ง กุลบุตรนี้บวชแล้ว โดยที่คิดเช่นนี้ว่า
เราทั้งหลายเป็นผู้ถูกหยั่งเอาแล้ว โดยชาติ ชรา มรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย
เป็นผู้อันความทุกข์หยั่งเอาแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว
ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
จะพึงปรากฏแก่เรา ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! แต่ว่า กุลบุตรผู้บวชแล้วอย่างนี้
กลับเป็นผู้มากไปด้วยอภิชฌา มีราคะแก่กล้าในกามทั้งหลาย
มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจเป็นไปในทางประทุษร้าย
มีสติอันลืมหลงแล้ว ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่นแล้ว
มีจิตหมุนไปผิดแล้ว มีอินทรีย์อันตนไม่สำรวมแล้ว.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เปรียบเหมือนดุ้นฟืนจากเชิงตะกอน
ที่เผาศพ ยังมีไฟติดอยู่ทั้งสอง ตรงกลางก็เปื้อนอุจจาระ
ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในบ้านเรือนก็ไม่ได้
ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในป่าก็ไม่ได้, ข้อนี้ฉันใด;
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เรากล่าวบุคคลนี้ว่ามีอุปมาเช่นนั้น;
คือ เป็นผู้เสื่อมจากโภคะแห่งคฤหัสถ์ ด้วย,
ไม่ทำประโยชน์แห่งสมณะให้บริบูรณ์ ด้วย.
ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๑๓/๑๖๗.