ปัจจัยของการมีความสุขที่แท้จริง

ปัจจัยของการมีความสุขที่แท้จริง คือ การใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท

หากได้ติดตามข่าวสาร หรือสังเกตุผู้คนรอบข้าง เรามักจะเห็นผลของกรรมที่เกิดจากความประมาทในการใช้ชีวิตอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความประมาทจากความตั้งใจ หรือประมาทโดยความไม่รู้ ซึ่งความประมาทนั้นจะส่งผลกรรมสี่ลักษณะ คือ


หนึ่งไม่บังเกิดผล สองบังเกิดผลในปัจจุบัน สามบังเกิดผลในเวลาถัดไป สี่บังเกิดผลในเวลาถัดไปอีก

เช่น เมื่อเราตำหนิใครซักคนหนึ่ง แต่คนที่ถูกเราตำหนินั้น เคยได้รับความช่วยเหลือจากเราไว้ จึงทำให้การตำหนินั้น ก็ไม่ส่งผลใดกับเรา อันนี้เรียกว่า กรรมไม่บังเกิดผลแต่ถ้าคนที่ถูกตำหนินั้น ไม่พอใจเราหรือทำร้ายเราในตอนนั้น อันนี้คือผลของกรรมที่บังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

ในกรณีที่คนซึ่งถูกตำหนินั้น ไม่ได้ทำอะไรเราในขณะนั้น แต่กลับไปเรียกเพื่อนของเขามาทำร้ายเราอันนี้คือผลของกรรมที่เกิดในเวลาถัดไป 
หากคนที่ถูกตำหนินั้น ไม่ได้ทำอะไรเราขณะนั้นแต่ผูกใจเจ็บไว้ เมื่อเขาได้มาเจอเราอีกครั้งในวันข้างหน้า หรืออาจเป็นชาติภพหน้า แล้วจึงมาทำให้เราเดือนร้อน อันนี้คือผลของกรรมที่บังเกิดผลในเวลาถัดไปอีก เป็นต้น



เหล่านี้คือ ผลของกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเวลา

สำหรับผลของกรรมที่เกิดจากความประมาทส่วนมากนั้น มักทำให้คนคิดว่ามันเป็น กรรมที่ไม่บังเกิดผล เช่น การขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง หรือการหลอกลวงฉ้อโกง เมื่อเขากระทำในครั้งแรก แล้วไม่เกิดผลอะไร จึงคิดว่ามันเป็นกรรมที่ไ่ม่บังเกิดผล แต่อันที่จริงกรรมที่เขาทำนั้นเกิดผลในปัจจุบันทันทีแล้ว นั้นคือ ผลที่ทำให้เขามีความคิดว่าสิ่งที่กระทำโดยประมาณนั้นทำได้ จึงเพิ่มความประมาทในสถานการณ์ที่เสี่ยงมากยิ่งขึ้น

ในกรณีที่ กุศลของเขามีมากพอ เขาก็จะโชคดี สามารถคิดได้ตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งไม่สมควร จึงเลิกทำ ซึ่งทำให้ผลของการกระทำที่ประมาทนั้นไม่บังเกิดผล

แต่ถ้าเขาโชคร้ายไม่มาก ผลของการกระทำอาจส่งผลในขณะที่เขายังประมาทไม่มาก เช่น อาจถูกรถเฉี่ยวชนเล็กน้อย หรือถูกจับได้ว่าหลอกลวงฉ้อโกง ตั้งแต่ความเสียหายยังไม่มากนัก ส่งผลให้เขาคิดได้ และเลิกการกระทำที่ประมาทนั้น ผลของกรรมก็จะไม่ส่งผลมากขึ้นไปกว่านี้อีก

ในทางกลับกันหากเขาโชคร้ายมาก ๆ เขาก็จะกระทำซ้ำอีกครั้งแล้วคร้้งเล่า จนเมื่อถึงเวลาที่ผลของกรรมบังเกิดขึ้น ความรุนแรงของผลกรรมนั้นอาจมากมายเกินกว่าที่จะคาดคิด

นี้คือตัวอย่าง ของทุกข์ที่เกิดจากการใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท



ดังนั้น หากเราในการใช้ชีวิตด้วยความประมาท โดยการแสวงหาแต่ความสุข และไม่สนใจศึกษาในเรื่องของ ทุกข์ เพื่อที่จะรู้จักกับทุกข์ และรู้จักหนทางที่จะรับมือกับทุกข์นั้นได้อย่างเหมาะสม แล้ว เมื่อความสุขที่เราคิดว่ามีอยู่นั้น เผยความทุกข์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในมันออกมา มันอาจจะสายเกินไปที่จะเริ่มเรียนรู้หนทางที่จะรับมือกับความทุกข์นั้นเสียแล้ว



ท้ายนี้ จึงภาวนาขอให้ทุกคนได้มีโอกาสทบทวนว่าในตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมานั้น เราได้ใช้ชีวิตอยู่บนความประมาทในเรื่องใดบ้างหรือไม่ และภาวนาให้ทุกคนได้มีโอกาสที่จะเริ่มต้นศึกษาว่า สิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดควรปฏิบัติ เพื่อนำชีวิตไปสู่การพบกับความสุขที่แท้จริง อันเป็นหนทางสำหรับรับมือกับความทุกข์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกลมหายใจ ด้วยกันทุกคน

Author: sho